การเลือกซื้อไม้ปาร์เก้
ปัญหาที่ลูกค้ามักจะถามมาเสมอ ๆ คือจะเลือกใช้พื้นไม้ชนิดไหนดี ชนิดใดใช้ด้านในหรือชนิดใดใช้ด้านนอกอาคารได้บ้าง รวมถึงมีวิธีบำรุงรักษาพื้นไม้ให้อยู่กับเรายาวนานได้อย่างไร ซึ่งเราสามารถแบ่งไม้ออกเป็น 2 ประเภท เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานคือ ไม้เนื้อแข็ง ซึ่งเป็นไม้ที่เหมาะสำหรับใช้กับงานภายนอกหรือใช้สำหรับโครงสร้างอาคาร และไม้เนื้ออ่อน ซึ่งเหมาะกับการใช้งานภายในร่มหรือใช้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เพื่อป้องกันความสับสนให้เจ้าของบ้านในเรื่องการเลือกซื้อพื้นไม้ ต่อไปนี้เราจะมาทำความรู้จักพื้นไม้ยอดนิยมที่ได้รับการพูดถึงอยู่เป็นประจำกันนะคะ
รู้ชนิดของไม้
ปัจจุบันมีหลายชนิดมาก ซึ่งไม้เหล่านี้นิยมนำมาทำไม้ปาร์เก้เพราะเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความทนทานสูงมาก เรียกง่าย ๆ ว่าซื้อไปใช้แล้วจะอยู่กับบ้านท่านได้ไปยาวนานเป็นหลาย ๆ สิบปีเลยทีเดียว
1.ไม้สัก (Teak wood) เป็นไม้เนื้ออ่อน ที่มักจะได้รับความเข้าใจผิดเสมอว่าเป็นไม้เนื้อแข็งเนื่องจากว่าลักษณะพิเศษที่เป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีความทนทานกว่าไม้เนื้อแข็งหลายๆ ชนิด โดยไม้สักที่เป็นที่รู้จักกันดี อาทิเช่น สักเนื้อละเอียดสีเหลืองสม่ำเสมอที่มักชอบเรียกกันว่าสักทอง และเนื้อหยาบสีน้ำตาลคล้ำที่มักชอบเรียกกันว่าสักขี้ควาย เป็นต้น
2.ไม้มะค่า (Makha wood) เป็นไม้เนื้อแข็งชนิดหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติหลากหลาย เมื่อแปรรูปใหม่ จะมีสีน้ำตาลออกน้ำตาลปนเหลือง และจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นทีละน้อยเมื่อถูกแดด และจะเปลี่ยนสีดำได้หากเปียกน้ำ จึงไม่เหมาะที่จะใช้บริเวณภายนอกอาคาร เนื้อไม้ค่อนข้างหยาบแต่มีความหนาแน่น และเรียบสม่ำเสมอ ทนทาน ผุพังได้ยาก จุดเด่นคือ มองเห็นลวดลายชัดเจน มีความใกล้เคียงกับลวดลายของไม้สักเป็นอย่างมาก เหมาะในการทำไม้ปูพื้นและเฟอร์นิเจอร์ เพราะมีความทนทานมาก สามารถทนต่อปลวก มอด และเชื้อราได้เป็นอย่างดี มีราคาค่อนข้างสูง อายุการใช้งานประมาณ 10 ปี
3.ไม้แดง (Iron wood) เป็นไม้เนื้อแข็ง มีสีน้ำตาลอมแดง และมีจุดดำแทรกในเนื้อไม้ ลายค่อนข้างน้อย ลักษณะโดยรวมใกล้เคียงไม้ประดู่มาก โดยเมื่อใช้ไปนานๆจะมีสีแดงที่เข้มขึ้น ไม้แดงเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงและมีราคาไม่สูงมากนัก นิยมนำมาใช้การก่อสร้างสำหรับงานภายนอกอาคารในส่วนที่ไม่ใช่โครงสร้าง เช่น ทำพื้นระเบียง ทำฝาบ้าน ฝ้าชายคา และรั้วไม้ นอกจากนี้เนื่องจากเนื้อไม้มีความแข็งมากจึงทำให้ไม้แดงมีคุณสมบัติการยืดหดตัวสูง ดังนั้นการใช้งานไม้แดงจึงควรตีเว้นร่องเพื่อป้องกันการขยายตัวของไม้จนทำให้เกิดการปริแตกได้ ไม้ชนิดนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องปลวกหรือเพรียง และเป็นไม้ที่ต้านทานไฟในตัวด้วย อายุใช้งาน ราว 12-15 ปี
5.ไม้รกฟ้า (Rok-fa wood) หรือ “ไม้เชือก” เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความละเอียดและเหนียวมาก มีสีน้ำตาลเข้มค่อนข้างดำใช้งานภายนอกได้ดีโดยเฉพาะทำพื้นระเบียง
6.ไม้ตะเคียน (Hopea wood) เป็นไม้เนื้อแข็งอีกชนิดหนึ่งที่นิยมในการนำมาสร้างบ้านโดยเฉพาะไม้ตะเคียนทอง ซึ่งมักจะมีตำหนิรูมอดอยู่บ้างซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของไม้ชนิดนี้ เนื้อไม้มีความแข็งพอดี มีสีออกเหลืองทองแต่จะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่อถูกแสงแดด ดังนั้นหากเลือกใช้ไม้ตะเคียนในบริเวณที่จะต้องมีการสัมผัสต่อแสงแดดและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยนั้น อาจเกิดปัญหาความไม่เสมอกันของสีไม้ตะเคียนได้ เนื่องจากไม้ตะเคียนทำปฎิกิริยาเปลี่ยนแปลงสีเนื้อไม้กับแสงแดดและสภาพแวดล้อม สำหรับตัวเนื้อไม้ตะเคียนนั้นมีคุณสมบัติการยืดหดตัวน้อยมาก จึงเหมาะกับการทำวงกบเป็นที่สุด หรือจะใช้เป็นไม้พื้น ฝาบ้าน และไม้ระแนงต่างๆ ก็ได้ เนื่องจากมีความทนทานต่อปลวกและแมลงกัดกินเนื้อไม้ได้เป็นอย่างดี
7.ไม้ประดู่ (Rosewood floor) เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีกลิ่นหอม มีความแข็งพอๆ กับไม้แดงแต่มีความหดตัวน้อยกว่า เนื้อไม้มีหลายเฉดสีตั้งแต่สีแดงอมเหลืองถึงสีแดงอย่างสีอิฐแก่ โดยประดู่ที่นิยมและเป็นที่รู้จักกันดี คือ ประดู่แดง เป็นไม้ที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ ปูพื้นบ้านได้ทุกห้อง หรือใช้ทำเป็นวงกบประตูหรือหน้าต่าง
8.ไม้ตะแบก (Tabek wood) เป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง ลักษณะเนื้อไม้สีเทาจนถึงสีน้ำตาลอมเทา เนื้อไม้ละเอียด เสี้ยนค่อนข้างตรง มีลายสวยงาม นิยมนำมาทำไม้ปูพื้น มีลวดลายสวยงามใกล้เคียงกับไม้สัก แต่สีกับเนื้อไม้จะอ่อนกว่า นอกจากนี้ยังมีสีอ่อนสุดเมื่อเทียบกับไม้ชนิดอื่นของไทย มีคุณสมบัติไสกบตกแต่งตอกตะปูง่าย ใช้ก่อสร้างทั่วไป ทำไม้พื้น ทำโครงตู้ ทำเฟอร์นิเจอร์ เหมาะสำหรับการใช้ภายในอาคาร
9.ไม้สน (Radiata pine) ปัจจุบันมีไม้สนนำเข้ามาขายในตลาดไม้บ้านเรามากมาย แต่ส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ปูพื้นคือไม้สนชนิดโตเร็ว หรือที่เรียกว่า Radiata ซึ่งนิยมปลูกในประเทศนิวซีแลนด์ (วงปีของไม้จะห่างกัน) มีลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อน ที่มีลวดลายไม้ที่สวยงาม แต่มีความแข็งแรง เนื่องจากผ่านการอบและอาบน้ำยา เพื่อป้องกันการบิดงอรวมถึงแมลงกินไม้ต่างๆ มีตาไม้มากกว่าไม้เต็งและไม้แดง อายุใช้งานประมาณ 10 ปี ใช้สำหรับใช้ทำโครงสร้าง และไม้พื้น จุดเด่นของไม้สนชนิดนี้นั้นอยู่ที่ผู้ผลิตได้มีการเดินร่อง ลักษณะคล้ายลอนลูกฟูก เพื่อป้องกันการลื่นไว้ที่ผิวหน้าด้านบน จึงเหมาะกับงานปูพื้นภายนอกอาคาร ไม่ว่าจะเป็นพื้นทางเดิน พื้นระเบียง หรือพื้นรอบๆสระว่ายน้ำ
ที่มา: https://www.scgbuildingmaterials.com/